น้ำขิงยิ่งดื่มยิ่งดีต่อสุขภาพ

หน้าแรกประโยชน์ของขิงน้ำขิงยิ่งดื่มยิ่งดีต่อสุขภาพ


ถึงแม้องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ยกระดับการเตือนภัยความเสี่ยงของโรคระบาดครั้งใหญ่ (pandemic) อย่างเป็นทางการ แต่พวกเราก็อย่าถึงขั้น Panic เลยนะคะ ทางที่ดีที่สุด เราต้องรู้จักป้องกันตัวเอง เสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรงด้วยการดื่มน้ำขิงที่อัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์หรือสรรพคุณของน้ำขิงเพื่อพร้อมรับมือกับทุกโรคภัยไข้เจ็บที่จะมาเยี่ยมเยือน

น้ำขิง มีสารสำคัญคือ จินเจอร์รอล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งในกลุ่มฟีนอล และสรรพคุณน้ำขิง มีส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย เนื่องจากมีการวิเคราะห์สารสำคัญในน้ำขิงสรรพคุณดีจริง มีสารจินเจอร์รอลที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง จึงมีการพัฒนาน้ำขิงเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในภาวะที่ต้องการต้านอนุมูลอิสระมากมาย เพราะสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ที่ทรงพลังของน้ำขิงสรรพคุณช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายนั่นเอง เพราะภูมิคุ้มกัน (immune) เปรียบเสมือนเกราะป้องกันต้านโรค ซึ่งความจริงแล้วเราอยู่กับเชื้อโรครอบตัวตลอดเวลา ในแต่ละวันอาจสัมผัสกับเชื้อโรคมากมาย แต่ทำไมเราถึงไม่เจ็บป่วย หรือนาน ๆ จะเจ็บป่วยสักที ก็เพราะร่างกายเรามีระบบภูมิคุ้มกันเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เปรียบเสมือนเกราะป้องกันเชื้อโรค ถ้าเกราะป้องกันแข็งแรง เชื้อโรคก็ยากที่จะเข้ามา แต่หากช่วงใดร่างกายอ่อนแอก็จะส่งผลไปที่ระบบภูมิคุ้มกันด้วย เป็นเหตุให้บางครั้งเราก็ป่วยง่ายป่วยบ่อย และเสี่ยงต่อการเป็นโรค ภูมิแพ้ ไวรัส โรคมะเร็ง โรคร้ายแรงต่าง ๆ ที่กำลังก่อตัวลุกลามจนเกิดเจ็บไข้ป่วยขึ้นมาได้

นอกจากจินเจอร์รอลในน้ำขิงสรรพคุณช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายเราแล้ว คุณประโยชน์หรือสรรพคุณของน้ำขิงยังเป็นที่ยอมรับว่า มีส่วนช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ในร่างกายได้ อาทิ อาการเมารถ เคลื่นไส้จากการแพ้ท้องหรือเคมีบำบัด ความดันโลหิตและสุขภาพหัวใจ ควบคุมน้ำหนักและน้ำตาลในเลือด บรรเทาอาการปวด เสริมภูมิคุ้มกันและป้องกันโรคมะเร็ง ดังนี้
  1. น้ำขิง สรรพคุณช่วยรักษาอาการคลื่นไส้จากอาการเมารถ แพ้ท้อง และเคมีบำบัด น้ำขิงมีประสิทธิภาพในการลดอาการคลื่นไส้ที่เกี่ยวกับการเมารถเมาเรือและอาการคลื่นไส้จากการตั้งครรภ์ได้ดี เช่น อาการแพ้ท้อง ฯลฯ จากการศึกษาพบว่าคุณแม่ที่ตั้งครรภ์แล้วดื่มน้ำขิงเป็นประจำ สามารถลดอาการคลื่นไส้ได้อย่างมาก อีกทั้ง น้ำขิงยังเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรที่มีฤทธิ์อุ่น สามารถดื่มได้อย่างสม่ำเสมอในช่วงระหว่างให้นมบุตร น้ำขิงยังมีส่วนช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นพร้อมกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตของคุณแม่ แต่เพื่อให้ได้ผลเต็มที่ ควรดื่มน้ำขิงก่อนให้นมลูกน้อยประมาณ 30 นาที จะช่วยส่งผลให้น้ำนมไหลดีขึ้น ช่วยนำพาสารอาหารต่าง ๆ ที่คุณแม่กินเข้าไป ไหลผ่านทางน้ำนมไปสู่ลูก และช่วยทำให้ลูกไม่ปวดท้อง ช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยลดการบีบตัวของลำไส้และอาการปวดท้องเกร็งได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น น้ำขิงยังมีส่วนช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียนของผู้ที่เพิ่งผ่าตัดและผู้ที่เพิ่งทำเคมีบำบัดมาได้ดีอีกด้วย
  2. น้ำขิง สรรพคุณช่วยปรับปรุงระบบย่อยอาหารและบรรเทาอาการท้องร่วง สรรพคุณของขิงที่ใคร ๆ ต่างต้องเคยได้ยินคือ การบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ซึ่งมีงานวิจัยหลายชิ้นที่สนับสนุนและชี้ให้เห็นว่า การดื่มน้ำขิงสามารถส่งเสริมระบบการย่อยอาหารให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นงานวิจัยบางชิ้นบ่งชี้ว่า สารประกอบทางเคมีอย่างซิงเจอโรน (Zingerone) สารประกอบสำคัญที่ได้จากการสกัดน้ำมันหอมระเหยในส่วนของเหง้าขิง มีฤทธิ์ให้รสชาติเผ็ดร้อนในแบบเฉพาะตัวนั้นมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีส่วนช่วยในการต้านเชื้อแบคทีเรียอีโคไล (E.coli) ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคท้องร่วง-ท้องเสียในเด็ก
  3. น้ำขิง สรรพคุณควบคุมน้ำหนักและน้ำตาลในเลือด น้ำขิงมีสรรพคุณในการช่วยลดน้ำหนักได้ จากการศึกษาพบว่าน้ำขิงช่วยลดน้ำหนักตัว อัตราส่วนเอวต่อสะโพก และอัตราส่วนสะโพกในผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนได้ นอกจากนี้ ยังพบว่าน้ำขิงสามารถช่วยลดดัชนีมวลกาย (BMI) และระดับอินซูลินในเลือดได้ ซึ่งการมีระดับอินซูลินในเลือดสูงนั้นมีความสัมพันธ์กับโรคอ้วน งานวิจัยบางชิ้นพบว่าน้ำขิงมีคุณสมบัติในการต้านเบาหวานที่ทรงประสิทธิภาพ โดยพบว่าผู้ที่เป็นเบาหวานแล้วดื่มน้ำขิงทุกวันจะมีระดับน้ำตาลในเลือดลดลง อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการศึกษาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยังต้องได้รับการยืนยันจากการศึกษาชิ้นใหญ่ก่อน
  4. น้ำขิง สรรพคุณบรรเทาอาการปวด ช่วยเรื่องข้อเสื่อมได้ น้ำขิงบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้ เพราะส่วนประกอบของน้ำขิงมีผลต้านการอักเสบ ส่งเสริมการไหลเวียนของระบบเลือด และจะไปช่วยยับยั้งฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการอักเสบ การดื่มน้ำขิงหรือขิงผงเป็นประจำ อาการปวดไมเกรนจะบรรเทาลง น้ำขิงสามารถใช้รักษาอาการปวดศีรษะได้ ทั้งชนิดปวดแบบสองข้าง และข้างเดียวหรือไมเกรน ผู้ที่มีอาการปวดศีรษะบ่อย ๆ แนะนำให้ดื่มน้ำขิงเข้มข้นเป็นประจำ สารเคมีที่อยู่ในน้ำขิงจะสามารถปรับสารไอโคซานอยด์ (Eicosanoid) ทำให้อาการปวดศีรษะบรรเทาลง ซึ่งยังมีข้อมูลในการใช้ขิงเพื่อบรรเทาอาการปวดในร่างกาย  จึงถือได้ว่าขิงเป็นสมุนไพรอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ป่วยไมเกรน และหากใครชื่นชอบการดื่มน้ำขิงอยู่แล้ว ก็สามารถจิบน้ำขิงอุ่น ๆ เวลาปวดไมเกรนได้เช่นกัน โรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis) เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเสื่อมของข้อต่อในร่างกาย และนำไปสู่อาการต่าง ๆ เช่น อาการปวดข้อและอาการข้อตึง โดยการศึกษาพบว่าผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมแล้วดื่มน้ำขิง จะมีความเจ็บปวดในข้อต่อลดลง นอกจากนี้ ยังพบว่าการนำน้ำมันขิง ยางไม้แมซ-ทิค  อบเชย และงามาผสมแล้วรับประทาน สามารถช่วยลดอาการปวดและตึงในผู้ที่มีข้อเข่าเสื่อมได้ดี
  5. น้ำขิง สรรพคุณมีส่วนช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ขับลม โดยให้ดื่มน้ำขิงก่อนนอนจะช่วยบรรเทาอาการได้ สารประกอบฟีโนลิกในขิงมีส่วนช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองในลำไส้ พร้อมทั้งยังมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร นอกจากนี้ขิงยังมีฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้อย่างอ่อน ส่งผลให้อาการท้องอืด แน่นท้อง และอาการท้องเฟ้อบรรเทาลงได้
  6. น้ำขิง สรรพคุณมีส่วนช่วยป้องกันไข้หวัดได้ แก้ไอได้เป็นอย่างดี การดื่มน้ำขิงร้อนจะช่วยลดการสะสมของเชื้อไวรัสได้ดี โดยอาจจะชงดื่มผสมกับน้ำมะนาวและเกลือ จิบบ่อย ๆ ช่วยแก้ไอได้ดีทีเดียว และยังช่วยบรรเทาอาการหวัดคัดจมูก ไอน้ำหอมระเหยจากน้ำขิงช่วยให้หายใจสะดวกมากขึ้นในช่วงที่เป็นหวัดคัดจมูก จากการทดลองน้ำขิงที่ได้จากการสกัดพบว่า น้ำขิงสามารถยับยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและพยาธิชนิดต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสารจินเจอร์รอลในขิงยังมีอานุภาพมากพอจะลดโอกาสติดเชื้อต่าง ๆ ของร่างกายได้โดยเฉพาะหากเราดื่มน้ำขิงเป็นประจำทุกวัน สารจินเจอร์รอลจะต่อสู้กับเชื้อไวรัสโรคหวัดและอาการไข้ได้อย่างเต็มที่ เราก็จะมีสุขภาพที่ดีห่างไกลจากโรคหวัดได้ง่าย ๆ
นี่แหละ คุณประโยชน์และสรรพคุณขิง ดีจริงจนต้องบอกต่อ รวมไปถึงการรับประทานอาหาร เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ หรือการเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากขิงเป็นประจำ ก็สามารถตอบโจทย์การดูแลภูมิคุ้มกันร่างกายได้
กลับ
18/12/2560
4,014
บทความอื่น ๆ ที่คุณอาจสนใจ