น้ำขิง เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือ
หน้าแรกประโยชน์ของขิงน้ำขิง เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือ
ปัจจุบันนี้เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพกำลังเป็นที่นิยมทั่วโลกและมาแรงเป็นอย่างมากในประเทศไทย ที่สำคัญ ไม่ใช่มีเพียงแต่ผู้สูงอายุเท่านั้นที่ใส่ใจดูแลสุขภาพของตัวเอง แต่กลับมีกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาว กลุ่มคนวัยทำงาน นักเรียน นักศึกษา แม่บ้าน พ่อบ้าน นักกีฬา ฯลฯ ที่ต่างหันมาให้ความสนใจในเรื่องของอาหารการกินและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ให้คุณประโยชน์แก่ร่างกายมากขึ้น
รู้ไหมว่า ? เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ คือเครื่องดื่มที่คุณดื่มเป็นประจำ อย่างเช่น น้ำเปล่า, น้ำผักผลไม้, ชา, กาแฟ ฯลฯ ที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบหลัก และน้ำก็เป็นองค์ประกอบหลักในเลือดถึงร้อยละ 92 ทำหน้าที่ขนส่งอาหารและออกซิเจนให้แก่เซลล์ อีกทั้งนำของเสียและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากเซลล์มาขับถ่ายออกจากร่างกาย, สมองมีน้ำเป็นองค์ประกอบร้อยละ 85, ในแต่ละเซลล์มีน้ำเป็นองค์ประกอบร้อยละ 60 หน้าที่สำคัญที่สุดของน้ำ คือเป็นตัวกลางในการเกิดปฏิกิริยาเคมีทุกชนิดในกระบวนการเมตาบอลิซึมของร่างกาย ปฏิกิริยาเคมีในร่างกายทุกชนิดต้องอาศัยน้ำ เซลล์จะไม่สามารถทำงานได้ถ้าไม่มีน้ำ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน ได้แก่ กระบวนการการย่อยอาหาร กระบวนการดูดซึมอาหาร กระบวนการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย อีกทั้ง น้ำ ยังมีส่วนช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกายและช่วยระบายความร้อนในรูปของเหงื่อ ซึ่งถือเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพดียิ่ง
ทั้งนี้ ปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ คือเทรนด์เฮลตี้ในทุก ๆ ปี ก็มาจากวิถีการใช้ชีวิตของผู้บริโภคคนไทยที่รักสุขภาพมากขึ้น กลัวอ้วนมากขึ้น และการดื่มน้ำขิง ก็มีส่วนช่วยลดน้ำหนักได้
แค่กัดขิงสดคำเดียว หรือ ดื่มน้ำขิงเพียงจิบเดียว ก็สัมผัสได้ถึงรสชาติความเผ็ดร้อนที่มาพร้อมกับความหอมฉุนที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และความเผ็ดร้อนของขิงที่ผ่านเข้าสู่ร่างกาย ส่งผลโดยตรงต่อระบบไหลเวียนต่าง ๆ ทำให้มีเหงื่อซึม เลือดและของเหลวในร่างกายไหลเวียนสะดวกขึ้น ความร้อนของขิงส่งผลดีต่อระบบเผาผลาญ เมื่อระบบเผาผลาญดี จึงช่วยลดน้ำหนักได้ดี แถมยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในตับและเลือดได้ดีอีกด้วย
จากการศึกษาพบว่าน้ำขิงช่วยลดน้ำหนักตัว อัตราส่วนเอวต่อสะโพก และอัตราส่วนสะโพกในผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนได้ นอกจากนี้ ยังพบว่าน้ำขิงสามารถช่วยลดดัชนีมวลกาย (BMI) และระดับอินซูลินในเลือดได้ ซึ่งการมีระดับอินซูลินในเลือดสูงนั้นมีความสัมพันธ์กับโรคอ้วน
งานวิจัยบางชิ้นพบว่า น้ำขิง มีคุณสมบัติในการต้านเบาหวานที่ทรงประสิทธิภาพ โดยพบว่าผู้ที่เป็นเบาหวานแล้วดื่มน้ำขิงทุกวันจะมีระดับน้ำตาลในเลือดลดลง อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการศึกษาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยังต้องได้รับการยืนยันจากการศึกษาชิ้นใหญ่ก่อน
สถาบันโภชนาการมนุษย์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำการทดสอบสรรพคุณการเผาผลาญของ "ขิง" ด้วยการทดลองดื่มน้ำขิงที่ใช้ขิงผงสำเร็จรูป 2 กรัม ละลายในน้ำ 1 แก้ว ดื่มหลังอาหาร ซึ่งเมื่อปล่อยให้กระบวนการเผาผลาญพลังงานทำงานไปจนครบ 6 ชั่วโมง พบว่ามีการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย โดยพลังงานความร้อนที่เกิดขึ้นในกระบวนการดูดซึมและย่อยอาหารเพิ่มขึ้น 22.3 - 64.1 กิโลแคลอรี่ เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ดื่มน้ำขิง และหมายความว่าอาหารที่กินเข้าไปนั้นไม่ได้ไปเพิ่มหรือสะสม แต่สลายเป็นความร้อนเพิ่มขึ้นนั่นเอง และยังพบด้วยว่าหลังจากดื่มน้ำขิงเข้าไปแล้ว ความอยากอาหารในแต่ละวันก็ลดน้อยลงด้วย จึงไม่คอยกินจุบจิบและรับประทานได้น้อยลงอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่เชื่อถือได้ พบว่าผู้ชายที่มีน้ำหนักเกิน เมื่อกินขิงหรือน้ำขิงเข้าไปแล้วจะอิ่มได้นานขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าน้ำขิงมีผลอย่างมากต่อการลดน้ำหนักและไขมันหน้าท้อง
นอกจากนี้จินเจอร์รอลในน้ำขิงยังช่วยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ ซึ่งการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่นับว่าเป็นกุญแจสำคัญในการลดน้ำหนักมากทีเดียว
ขิง นอกจากนำมาทำเป็นน้ำขิงแล้ว ยังสามารถทำเป็นเครื่องดื่มแนวเฮลท์ตี้ที่สามารถดื่มได้บ่อยครั้งตามต้องการเพื่อลดน้ำหนัก เพียงแค่มีขิงผง ชงใส่น้ำมะนาวหรือใส่น้ำผึ้งเพิ่มเข้าไปก็ได้ตามใจชอบ อาจจะโรยด้วยสะระแหน่ และเติมน้ำแข็งก้อนใส่เข้าไปตามต้องการ หรือจะทำเป็นน้ำขิงเสาวรส เผ็ดขิงเปรี้ยวเสาวรส ดื่มเป็นประจำ บอกลาไขมันหน้าท้องได้อย่างเห็นผล
ดังนั้นสำหรับผู้ที่กำลังหันมาลดน้ำหนัก ควรพิจารณาขิงในการเป็นตัวเลือกหนึ่งในมื้ออาหารเพื่อสุขภาพก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน นอกเหนือจากการช่วยลดน้ำหนักและไขมันหน้าท้องแล้ว ขิงหรือน้ำขิงยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมากมาย เพราะนอกจากจินเจอร์รอลในน้ำขิงสรรพคุณช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายเราแล้ว คุณประโยชน์หรือสรรพคุณของน้ำขิงยังเป็นที่ยอมรับว่า มีส่วนช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ในร่างกายได้ อาทิ อาการเมารถ คลื่นไส้จากการแพ้ท้องหรือเคมีบำบัด ความดันโลหิตและสุขภาพหัวใจ บรรเทาอาการปวด เสริมภูมิคุ้มกันและป้องกันโรคมะเร็ง ดังนี้
น้ำขิง สรรพคุณช่วยรักษาอาการคลื่นไส้จากอาการเมารถ แพ้ท้อง และเคมีบำบัด
น้ำขิงมีประสิทธิภาพในการลดอาการคลื่นไส้ที่เกี่ยวกับการเมารถเมาเรือและอาการคลื่นไส้จากการตั้งครรภ์ได้ดี เช่น อาการแพ้ท้อง ฯลฯ จากการศึกษาพบว่าคุณแม่ที่ตั้งครรภ์แล้วดื่มน้ำขิงเป็นประจำ สามารถลดอาการคลื่นไส้ได้อย่างมาก อีกทั้ง น้ำขิงยังเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรที่มีฤทธิ์อุ่น สามารถดื่มได้อย่างสม่ำเสมอในช่วงระหว่างให้นมบุตร น้ำขิงยังมีส่วนช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นพร้อมกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตของคุณแม่ แต่เพื่อให้ได้ผลเต็มที่ ควรดื่มน้ำขิงก่อนให้นมลูกน้อยประมาณ 30 นาที จะช่วยส่งผลให้น้ำนมไหลดีขึ้น ช่วยนำพาสารอาหารต่าง ๆ ที่คุณแม่กินเข้าไป ไหลผ่านทางน้ำนมไปสู่ลูก และช่วยทำให้ลูกไม่ปวดท้อง ช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยลดการบีบตัวของลำไส้และอาการปวดท้องเกร็งได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น น้ำขิงยังมีส่วนช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียนของผู้ที่เพิ่งผ่าตัดและผู้ที่เพิ่งทำเคมีบำบัดมาได้ดีอีกด้วย
น้ำขิง สรรพคุณช่วยปรับปรุงระบบย่อยอาหารและบรรเทาอาการท้องร่วง
สรรพคุณของขิงที่ใคร ๆ ต่างต้องเคยได้ยินคือ การบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ซึ่งมีงานวิจัยหลายชิ้นที่สนับสนุนและชี้ให้เห็นว่า การดื่มน้ำขิงสามารถส่งเสริมระบบการย่อยอาหารให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
งานวิจัยบางชิ้นบ่งชี้ว่า สารประกอบทางเคมีอย่างซิงเจอโรน (Zingerone) สารประกอบสำคัญที่ได้จากการสกัดน้ำมันหอมระเหยในส่วนของเหง้าขิง มีฤทธิ์ให้รสชาติเผ็ดร้อนในแบบเฉพาะตัวนั้นมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีส่วนช่วยในการต้านเชื้อแบคทีเรียอีโคไล (E.coli) ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคท้องร่วง-ท้องเสียในเด็ก
น้ำขิง สรรพคุณบรรเทาอาการปวด ช่วยเรื่องข้อเสื่อมได้
น้ำขิงบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้ เพราะส่วนประกอบของน้ำขิงมีผลต้านการอักเสบ ส่งเสริมการไหลเวียนของระบบเลือด และจะไปช่วยยับยั้งฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการอักเสบ การดื่มน้ำขิงหรือขิงผงเป็นประจำ อาการปวดไมเกรนจะบรรเทาลง น้ำขิงสามารถใช้รักษาอาการปวดศีรษะได้ ทั้งชนิดปวดแบบสองข้าง และข้างเดียวหรือไมเกรน ผู้ที่มีอาการปวดศีรษะบ่อย ๆ แนะนำให้ดื่มน้ำขิงเข้มข้นเป็นประจำ สารเคมีที่อยู่ในน้ำขิงจะสามารถปรับสารไอโคซานอยด์ (Eicosanoid) ทำให้อาการปวดศีรษะบรรเทาลง ซึ่งยังมีข้อมูลในการใช้ขิงเพื่อบรรเทาอาการปวดในร่างกาย จึงถือได้ว่าขิงเป็นสมุนไพรอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ป่วยไมเกรน และหากใครชื่นชอบการดื่มน้ำขิงอยู่แล้ว ก็สามารถจิบน้ำขิงอุ่น ๆ เวลาปวดไมเกรนได้เช่นกัน
โรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis) เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเสื่อมของข้อต่อในร่างกาย และนำไปสู่อาการต่าง ๆ เช่น อาการปวดข้อและอาการข้อตึง โดยการศึกษาพบว่าผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมแล้วดื่มน้ำขิง จะมีความเจ็บปวดในข้อต่อลดลง นอกจากนี้ ยังพบว่าการนำน้ำมันขิง ยางไม้แมซ-ทิค อบเชย และงามาผสมแล้วรับประทาน สามารถช่วยลดอาการปวดและตึงในผู้ที่มีข้อเข่าเสื่อมได้ดี
น้ำขิง สรรพคุณมีส่วนช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ขับลม โดยให้ดื่มน้ำขิงก่อนนอนจะช่วยบรรเทาอาการได้ สารประกอบฟีโนลิกในขิงมีส่วนช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองในลำไส้ พร้อมทั้งยังมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร นอกจากนี้ขิงยังมีฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้อย่างอ่อน ส่งผลให้อาการท้องอืด แน่นท้อง และอาการท้องเฟ้อบรรเทาลงได้
น้ำขิง สรรพคุณมีส่วนช่วยป้องกันไข้หวัดได้ แก้ไอได้เป็นอย่างดี
การดื่มน้ำขิงร้อนจะช่วยลดการสะสมของเชื้อไวรัสได้ดี โดยอาจจะชงดื่มผสมกับน้ำมะนาวและเกลือ จิบบ่อย ๆ ช่วยแก้ไอได้ดีทีเดียว และยังช่วยบรรเทาอาการหวัดคัดจมูก ไอน้ำหอมระเหยจากน้ำขิงช่วยให้หายใจสะดวกมากขึ้นในช่วงที่เป็นหวัดคัดจมูก จากการทดลองน้ำขิงที่ได้จากการสกัดพบว่า น้ำขิงสามารถยับยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและพยาธิชนิดต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสารจินเจอร์รอลในขิงยังมีอานุภาพมากพอจะลดโอกาสติดเชื้อต่าง ๆ ของร่างกายได้โดยเฉพาะหากเราดื่มน้ำขิงเป็นประจำทุกวัน สารจินเจอร์รอลจะต่อสู้กับเชื้อไวรัสโรคหวัดและอาการไข้ได้อย่างเต็มที่ เราก็จะมีสุขภาพที่ดีห่างไกลจากโรคหวัดได้ง่าย ๆ
นี่แหละ คุณประโยชน์และสรรพคุณขิง ดีจริงจนต้องบอกต่อ รวมไปถึงการรับประทานอาหาร เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ หรือการเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากขิงเป็นประจำ ก็สามารถตอบโจทย์การดูแลร่างกายได้
บทความอื่น ๆ ที่คุณอาจสนใจ