ขิงไทย และประโยชน์ที่แตกต่าง

หน้าแรกประโยชน์ของขิงขิงไทย และประโยชน์ที่แตกต่าง


ถ้าพูดถึงสมุนไพรคู่ครัวไทยที่ทุกบ้านต้องมีติดไว้ จะไม่พูดถึง “ขิง” ก็คงไม่ได้ เพราะขิงไม่ใช่แค่พืชผักรสเผ็ดร้อนที่ใช้ปรุงอาหารให้อร่อยขึ้น แต่ยังเป็น สมุนไพรประจำบ้าน ที่คนไทยรู้จักและใช้กันมายาวนาน ตั้งแต่การชงน้ำขิงแก้ท้องอืด ไปจนถึงการใช้ขิงสดช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้

และที่น่าสนใจคือ “ขิงไทย” มีเอกลักษณ์ที่ต่างจากขิงของประเทศอื่น ๆ ทั้งในเรื่องรสชาติ ความหอม รวมไปถึงสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่ซ่อนอยู่ในเหง้าเล็ก ๆ นี้ จนกลายเป็นที่ยอมรับทั้งในวงการแพทย์แผนไทยและงานวิจัยสมัยใหม่
ขิงไทย คืออะไร?

เวลาเราพูดถึง “ขิงไทย” จริง ๆ แล้วหมายถึง กลุ่มพันธุ์ขิงที่ปลูกในประเทศไทย ซึ่งปรับตัวเข้ากับสภาพดินฟ้าอากาศได้ดี มีหลายสายพันธุ์ย่อย เช่น ขิงพันธุ์เล็ก (รสเผ็ดจัด) และขิงพันธุ์ใหญ่ (หรือที่บางทีเรียกว่า “ขิงหยวก” เนื้ออ่อน กรอบ ไม่ค่อยเผ็ดมาก) แต่สิ่งที่ทำให้ขิงไทยโดดเด่นคือ
  • รสเผ็ดร้อนเฉพาะตัว ที่เหมาะกับการปรุงอาหารไทย เช่น ต้มยำ แกง หรือผัดเผ็ด
  • กลิ่นหอมชัดเจน เมื่อเทียบกับขิงจากบางประเทศที่กลิ่นอ่อนกว่า
  • คุณภาพของน้ำมันหอมระเหย และสารสำคัญที่หลายงานวิจัยยืนยันว่ามีฤทธิ์ทางชีวภาพชัดเจน

ทำไมต้อง ขิงไทย 
หลายคนอาจสงสัยว่า ขิงก็คือขิง จะปลูกที่ไหนก็เหมือนๆกัน จริงๆแล้วคือ ไม่เหมือนกันซะทีเดียว เพราะมีข้อแตกต่างกันหลายอย่าง เช่น สภาพภูมิอากาศและดิน ทำให้ขิงไทยมีรสและกลิ่นเฉพาะ, พันธุ์ท้องถิ่น บางสายพันธุ์มีรสเผ็ดจัด เหมาะกับการใช้เป็นยา ขณะที่บางพันธุ์เนื้ออ่อน กินสดหรือดองได้อร่อย, ภูมิปัญญาไทย ที่สืบทอดวิธีการใช้ขิงมาอย่างยาวนาน ทำให้ขิงไทยไม่ใช่แค่ “พืช” แต่คือ “วัฒนธรรมอาหารและสุขภาพ” นั่นเอง

  

ประโยชน์ และ ข้อดีของขิงไทย
 “ขิงไทย” ไม่ได้มีแค่ความอร่อย แต่มันยังเต็มไปด้วย ประโยชน์ต่อร่างกาย ที่ทั้งตำราแพทย์แผนไทย และงานวิจัยสมัยใหม่ต่างยืนยัน ว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ส่วนประโยชน์และข้อดีของขิงไทย มีดังนี้
  1. ขิงไทยช่วยแก้คลื่นไส้ อาเจียน  นี่คือประโยชน์อันดับหนึ่งที่คนทั่วโลกยอมรับ ในแพทย์แผนไทย ขิงถูกใช้เป็น ยาขับลม แก้คลื่นไส้ เวียนศีรษะ มาหลายร้อยปี ในงานวิจัยสมัยใหม่ สาร gingerol และ shogaol ในขิงมีฤทธิ์ช่วยควบคุมการบีบตัว ของกระเพาะอาหาร และลำไส้ จึงลดอาการคลื่นไส้ได้จริง คนท้อง หลายคนดื่มน้ำขิงอุ่น ๆ เพื่อลดอาการแพ้ท้อง คนเมารถ แค่เคี้ยวขิงสดเล็กน้อยก็บรรเทาอาการเวียนหัวได้ ผู้ป่วยเคมีบำบัดบางราย งานวิจัยพบว่าขิงช่วยลดความรุนแรงของคลื่นไส้ได้
  2. ขิงไทยช่วยบรรเทาอาการท้องอืด และย่อยอาหาร คนไทยมีสำนวนว่า “กินแล้วแน่นท้อง ต้องพึ่งขิง” ขิงไทยมีฤทธิ์ช่วยขับลมในทางเดินอาหาร น้ำมันหอมระเหยในขิง จะกระตุ้นการหลั่งน้ำดี ทำให้ร่างกายย่อยไขมันได้ดีขึ้น ใครที่กินอาหารมัน ๆ หรือกินดึก ๆ จนแน่นท้อง แค่จิบน้ำขิงร้อน ๆ ก็ช่วยได้แล้ว
  3. ขิงไทยช่วยต้านการอักเสบ สาร Gingerol และ Shogaol ในขิงมีฤทธิ์ต้านการอักเสบโดยตรง งานวิจัยพบว่า การทานขิงอย่างต่อเนื่องช่วยบรรเทาอาการของ ข้อเข่าเสื่อม ลดอาการปวดและตึงข้อได้ ในมุมแพทย์แผนไทย ขิงจัดว่าเป็นสมุนไพรที่ บำรุงธาตุไฟ ทำให้เลือดลมไหลเวียนดี ความอบอุ่นในร่างกายสมดุล ซึ่งก็เชื่อมโยงกับการลดอาการอักเสบ และปวดได้เช่นกัน
  4. ขิงไทยช่วยควบคุมน้ำตาล และไขมันในเลือด มีงานทดลองที่ชี้ว่า การรับประทานขิงช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือด ลดลงเล็กน้อย และเพิ่มความไวของอินซูลิน สารต้านอนุมูลอิสระ ในขิงยังช่วยลดการเกิดออกซิเดชันของไขมัน ซึ่งสัมพันธ์กับการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดในไทยเอง เรามักเห็นผลิตภัณฑ์ น้ำขิงสำหรับผู้รักสุขภาพ ที่เจาะกลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาล
  5. ขิงไทยช่วยต้านอนุมูลอิสระ และชะลอวัย สารในขิง เช่น gingerols, shogaols, paradols มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย และอาจลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังบางชนิด เช่น โรคหัวใจ และมะเร็งบางชนิด นี่คือเหตุผลที่ทำไมหลายคนถึงเลือกดื่มน้ำขิงเป็นประจำ เพื่อ “ดีท็อกซ์” และช่วยให้ร่างกายสดชื่น
  6. ขิงไทยช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน น้ำขิงร้อน ๆ หรือน้ำขิง ผสมมะนาวน้ำผึ้ง เป็นสูตรยอดฮิตที่ช่วยบรรเทาอาการหวัด ขิงมีฤทธิ์ช่วยขับเหงื่อ ทำให้ร่างกายอบอุ่น จึงเหมาะมากสำหรับการดื่มตอนอากาศเย็น หรือช่วงเปลี่ยนฤดู การดื่มขิงเป็นประจำ จะช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว เสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางอ้อมได้
  7. ขิงไทยช่วยเรื่องสุขภาพของสตรี ในแพทย์แผนไทย ขิงถูกใช้เป็น ยาอบ ยานั่งถ่าน หรือยาต้มสมุนไพรหลังคลอด เพื่อช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น สมัยใหม่ก็มีงานศึกษาว่า ขิงช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้ ใกล้เคียงกับยาแก้ปวดบางชนิด แต่ปลอดภัยกว่าในแง่ผลข้างเคียง
  8. ขิงไทยกับวิถีชิวิตคนไทย นอกจากประโยชน์เชิงสุขภาพแล้ว ขิงไทยยังมีข้อดีอีกหลายอย่าง เช่น ราคาย่อมเยา หาได้ง่ายตามตลาดสด ปลูกง่าย ในสวนหลังบ้าน คนไทยจำนวนมากยังปลูกไว้กินเอง และยังใช้ได้หลากหลาย ทั้งทำอาหาร คั้นน้ำ ดอง ทำลูกอม หรือแปรรูปเป็นผงชงดื่ม และอีกมากมาย

ขิงไทย แตกต่างจาก ขิงต่างประเทศ อย่างไร?
อาจจะมีหลายๆท่าน สงสัยว่า ขิงที่เรากินในไทย กับขิงที่มาจากต่างประเทศ มันต่างกันจริงไหม? บางทีเวลาเราไปซูเปอร์มาร์เก็ต อาจจะเห็นขิงหัวใหญ่ ๆ จากจีนหรืออินเดียที่ขายอยู่คู่กับขิงไทย เรามาลองเทียบกันแบบชัด ๆ กันดีกว่า ว่า ขิงไทยมีอะไรที่ต่างและโดดเด่นกว่า



คุณค่าทางโภชนาการ และสายพันธุ์ขิงไทย 
ขิงไทยไม่ใช่ขิงธรรมดา แต่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นทั้งรส กลิ่น และคุณค่าทางยา นี่คือเหตุผลว่าทำไมอาหารไทยถึงขาดขิงไม่ได้ และทำไมตลาดสมุนไพรยังต้องการขิงไทยเสมอ เพราะในขิงสด 100 กรัม มีสารอาหารโดยเฉลี่ย 
  • คาร์โบไฮเดรต 15 –18 กรัม
  • ใยอาหาร 2 กรัม
  • โปรตีน  2 กรัม
  • ไขมัน  1 กรัม
  • วิตามินซี วิตามินบี 6 โพแทสเซียม แมงกานีสในปริมาณเล็กน้อย
  • ไฮไลต์ คือ สารชีวภาพ (bioactive compounds) เช่น gingerols, shogaols, paradols ที่ให้ฤทธิ์ต้านอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ

สายพันธุ์ขิงไทยที่นิยมปลูก
  1. ขิงพันธุ์เล็ก (ขิงเผ็ด)  รสเผ็ดร้อนจัด เหมาะสำหรับทำยา น้ำขิง หรือใช้ในครัวที่ต้องการรสจัด
  2. ขิงพันธุ์ใหญ่ (ขิงหยวก) เนื้ออ่อน กรอบ รสไม่เผ็ดมาก นิยมทำขิงดอง กินสด หรือใส่ในอาหารอ่อน ๆ
  3. ขิงพื้นบ้าน/ท้องถิ่น เช่น ขิงเผือก (บางพื้นที่ทางเหนือ) ใช้กันในครัวเรือน หรือขายในท้องถิ่น

การปลูกขิงในแต่ละภาค
  • ภาคเหนือ: นิยมปลูกพันธุ์ท้องถิ่น ใช้ในครัวและทำยา
  • ภาคกลาง: ปลูกพันธุ์ใหญ่เพื่อส่งขายตลาดสด
  • ภาคอีสาน: ใช้ปลูกผสมในสวนครัว และบางพื้นที่ทำเป็นขิงดอง
  • ภาคใต้: ปลูกผสมกับสมุนไพรอื่น ทำผลิตภัณฑ์น้ำขิงและเครื่องดื่ม



ขิงต่อสุขภาพ ที่ผ่านการวิจัย
ตำราสมุนไพร และห้องแล็บ ต่างก็พูดไปในทิศทางเดียวกัน ว่าขิงนั้นดีต่อสุขภาพจริง ๆ และยังมีงานวิจัยทั้งในไทย และต่างประเทศที่หยิบขิงขึ้นมาศึกษากันอย่างจริงจัง และผลที่ได้ก็น่าสนใจมาก ๆ ที่พิสูจน์แล้วว่า ขิงดีจริง ด้วยตัวอย่างงานวิจัย ดังนี้ 

งานวิจัย Ginger on Human Health: A Comprehensive Systematic Review (2020) พบว่า ขิงช่วยลดอาการคลื่นไส้ เมารถ และช่วยฟื้นฟูกำลังกล้ามเนื้อ หลังการออกกำลังกายอย่างหนักได้ [1

งานวิจัย  A critical review of Ginger’s (Zingiber officinale) antioxidant and immunomodulatory roles ปี 2024 พบว่าขิงมีศักยภาพสูงในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) และช่วยปรับระบบภูมิคุ้มกัน (immunomodulatory) ผ่านสารอย่าง gingerol, shogaol, paradol, และ zingerone — ลด oxidative stress และการอักเสบ [2]

งานวิจัย Ginger: A Nutraceutical Supplement for Protection Against 2025 บทวิเคราะห์ใหม่ที่พูดถึงว่าขิงอาจช่วยโปรไฟล์ไขมันในเลือด (lipid profile) และลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ — แต่ยังต้องการงานศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยัน [3]

งานวิจัย The effect of ginger supplementation on metabolic profiles in T2DM (ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2) ในผู้ป่วยเบาหวาน พบว่าการเสริม หรือทานขิงช่วยลดน้ำตาลในเลือด (fasting blood sugar), HbA1c ได้ในระดับหนึ่ง และช่วยปรับปรุงไขมันในเลือด (lipid profile) เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม [4]

เมื่ออ่านบทความมาถึงตอนนี้แล้ว จะเห็นว่า ขิงไทย มีคุณค่าเกินกว่าที่คิด เป็นพืชที่อยู่คู่ครัวไทย และตำราแพทย์แผนไทยมานาน มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน ทั้งช่วยย่อย ต้านอักเสบ และเสริมภูมิคุ้มกัน มีสายพันธุ์หลากหลายที่ตอบโจทย์ ทั้งอาหาร และสมุนไพร งานวิจัยสมัยใหม่ ยังคงยืนยันศักยภาพของขิงได้

ดังนั้น ถ้าอยากดูแลสุขภาพด้วยวิธีง่าย ๆ เริ่มต้นได้เลยจาก น้ำขิงร้อน ๆ สักแก้ว หรือใส่ขิงลงไปในเมนูโปรดของคุณ แล้วคุณจะรู้ว่าความเผ็ดร้อนเล็ก ๆ ของ ขิงไทย สามารถเปลี่ยนวันธรรมดา ให้เป็นวันที่ดีขึ้นได้มากแค่ไหน

อ้างอิง 
[1]  ขิงช่วยลดอาการคลื่นไส้ เมารถ และช่วยฟื้นฟูกำลังกล้ามเนื้อ หลังการออกกำลังกาย
[2] ขิงมีศักยภาพสูง ในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
[3] ขิงอาจช่วยโปรไฟล์ไขมันในเลือด
[4] ขิงช่วยลดน้ำตาลในเลือด ในผู้ป่วยเบาหวาน
กลับ
30/10/2568
9
บทความอื่น ๆ ที่คุณอาจสนใจ